วิทยุการบินฯ พัฒนาระบบเทคโนโลยีการเดินอากาศ และปรับปรุงโครงสร้างห้วงอากาศ รองรับปริมาณเที่ยวบิน โดยเฉพาะเที่ยวบินไทย-จีน ปีนี้เพิ่มขึ้น 126% เฉพาะเฉิงตูเพิ่มถึง 265% แนวโน้มโตต่อเนื่อง หนุนขยายตลาดการบินรองรับนักท่องเที่ยวเฉิงตู กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทย สร้างรายได้ให้ประเทศ สนองนโยบายรัฐ มุ่งสู่ ฮับการบิน
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า “ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ได้ประกาศนโยบายขับเคลื่อนพัฒนาประเทศไทย และยกระดับศักยภาพด้านการบินของประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยรัฐบาลไทยและจีนได้เห็นชอบข้อตกลงทวิภาคีในการยกเลิกข้อกำหนดด้านวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ ส่งผลให้ปริมาณเที่ยวบินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เที่ยวบินไทย - จีน มีสัดส่วนที่สูงสุด คือ 20% ของปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมด โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 - พฤษภาคม 2567 (8 เดือน) ปริมาณเที่ยวบิน ไทย - จีน รวม 55,433 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 213% และคาดการณ์ว่าตลอดทั้งปี 2567 จะมีปริมาณเที่ยวบินไทย - จีน รวม 86,150 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นทั้งปี 126%”
ปัจจุบันสนามบินในประเทศไทยที่มีเที่ยวบินจากจีนมาทำการบิน ประกอบด้วย สนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ ภูเก็ต เชียงใหม่ สมุย และกระบี่ โดยมีทั้งเที่ยวบินขนส่งสินค้าและเที่ยวบินรับ-ส่งผู้โดยสาร ยกเว้นที่ดอนเมือง และสมุย มีตารางการบินล่วงหน้าสำหรับเที่ยวบินรับ-ส่งผู้โดยสารเท่านั้น ซึ่งขณะนี้หลายสายการบินได้กลับมาให้บริการในเส้นทางบิน ไทย - จีน อีกทั้งมีการขอเพิ่มเที่ยวบินไปยังจุดหมายปลายทางที่เป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญ เช่น เฉิงตู ซึ่งประเทศไทยเตรียมขยายตลาดทางการบินรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ทั้งนี้ สนามบินในประเทศไทยที่มีเที่ยวบินไป-กลับ เฉิงตู ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และสมุย ซึ่งในช่วง 8 เดือน ที่ผ่านมามีเที่ยวบินไป–กลับ เฉิงตู รวม 5,896 เที่ยวบิน และคาดการณ์ตลอดทั้งปี 2567 จะมีเที่ยวบิน ไป-กลับ เฉิงตู รวม 8,850 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 265%”
“ผมได้มอบหมายให้วิทยุการบินฯ เร่งขยายขีดความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบิน ซึ่งวิทยุการบินฯ ได้จัดสร้างเส้นทางบินใหม่ให้เป็นแบบเส้นทางบินคู่ขนาน หรือ Parallel Route รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การเดินอากาศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการการจราจรทางอากาศ อีกทั้งปรับปรุงระบบเทคโนโลยี ปรับปรุงโครงสร้างห้วงอากาศ และแนวทางบริหารจัดการ ให้สามารถรองรับปริมาณเที่ยวบินและนักท่องเที่ยวให้ได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย”
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า “ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ได้ประกาศนโยบายขับเคลื่อนพัฒนาประเทศไทย และยกระดับศักยภาพด้านการบินของประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยรัฐบาลไทยและจีนได้เห็นชอบข้อตกลงทวิภาคีในการยกเลิกข้อกำหนดด้านวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ ส่งผลให้ปริมาณเที่ยวบินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เที่ยวบินไทย - จีน มีสัดส่วนที่สูงสุด คือ 20% ของปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมด โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 - พฤษภาคม 2567 (8 เดือน) ปริมาณเที่ยวบิน ไทย - จีน รวม 55,433 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 213% และคาดการณ์ว่าตลอดทั้งปี 2567 จะมีปริมาณเที่ยวบินไทย - จีน รวม 86,150 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นทั้งปี 126%”
ปัจจุบันสนามบินในประเทศไทยที่มีเที่ยวบินจากจีนมาทำการบิน ประกอบด้วย สนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ ภูเก็ต เชียงใหม่ สมุย และกระบี่ โดยมีทั้งเที่ยวบินขนส่งสินค้าและเที่ยวบินรับ-ส่งผู้โดยสาร ยกเว้นที่ดอนเมือง และสมุย มีตารางการบินล่วงหน้าสำหรับเที่ยวบินรับ-ส่งผู้โดยสารเท่านั้น ซึ่งขณะนี้หลายสายการบินได้กลับมาให้บริการในเส้นทางบิน ไทย - จีน อีกทั้งมีการขอเพิ่มเที่ยวบินไปยังจุดหมายปลายทางที่เป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญ เช่น เฉิงตู ซึ่งประเทศไทยเตรียมขยายตลาดทางการบินรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ทั้งนี้ สนามบินในประเทศไทยที่มีเที่ยวบินไป-กลับ เฉิงตู ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และสมุย ซึ่งในช่วง 8 เดือน ที่ผ่านมามีเที่ยวบินไป–กลับ เฉิงตู รวม 5,896 เที่ยวบิน และคาดการณ์ตลอดทั้งปี 2567 จะมีเที่ยวบิน ไป-กลับ เฉิงตู รวม 8,850 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 265%”
“ผมได้มอบหมายให้วิทยุการบินฯ เร่งขยายขีดความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบิน ซึ่งวิทยุการบินฯ ได้จัดสร้างเส้นทางบินใหม่ให้เป็นแบบเส้นทางบินคู่ขนาน หรือ Parallel Route รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การเดินอากาศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการการจราจรทางอากาศ อีกทั้งปรับปรุงระบบเทคโนโลยี ปรับปรุงโครงสร้างห้วงอากาศ และแนวทางบริหารจัดการ ให้สามารถรองรับปริมาณเที่ยวบินและนักท่องเที่ยวให้ได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย”